ตำลึง/ต้นตำลึง/ผักตำลึง เพศเมียใบเต็ม(ไม่ติดเครมให้ครับ)
ต้นตำลึงเพศเมียใบเต็ม
ปลูกง่าย เนื่องจากเป็นต้นที่โตอยู่แล้ว
เมื่อปลูกจะให้ผลผลิตทันที ภายใน 1 สัปดาห์
ไม่ต้องรอนานๆ
ไม่ต้องกังวลว่าปลูกแล้วจะไม่งอก
เหมาะสำหรับปลูกในทุกๆ สถานที่
#เหมาะสำหรับปลูกไว้รับประทาน หรือเป็นไม้ประดับ
#เหมาะที่จะเป็นไม้ประดับและผักสวนครัว
#ต้นตำลึงเราตัดใบออกทั้งหมดเพื่อลดการคายน้ำ เมื่อปลูกลงดินต้นตำลึงจะฟื้นตัวได้เร็ว
*****แจ้งลูกค้าเพื่อทราบ*****
ต้นตำลึงที่ทางร้านจัดส่งไปให้นั้น ทางร้านได้ตัดใบและเถาออกทั้งหมด เพราะใบและเถาของต้นตำลึงนั้นจะบอบบางมาก ถ้าทางร้านส่งไปโดยไม่ตัดใบและเถาออก จะทำให้ต้นตำลึงจะเหี่ยวเฉาระหว่างการขนส่ง เมื่อนำไปปลูกจะฟื้นตัวได้ช้า แต่ต้นตำลึงที่ผ่านการตัดใบและเถาแล้วเมื่อนำไปปลูกจะแตกยอดอ่อนใหม่และโตได้เร็วกว่า
***ต้นตำลึงที่ส่งไปให้หากลูกค้าปลูกแล้วไม่งอก หรือเสียหายระหว่างการขนส่ง ทางร้านจะรับผิดชอบเครมต้นใหม่ หรือคืนเงินให้ครับ. ทักมาในแชท หรือโทรมาได้เลยครับ 0827331258
ลักษณะทางพฤษศาสตร์ของตำลึง
ตำลึงจัดเป็นพืชในตระกูลไม้เลื้อย มีใบเป็นใบเดี่ยว มีมือเกาะ ใบตำลึงจะแผ่เว้าเป็น 5 แฉก ขนาดใบตำลึงมีความกว้างประมาณ 5-8 เซนติเมตร โคนใบเป็นรูปหัวใจ ปลายใบแหลมมน ผิวใบเกลี้ยง ก้านใบยาว 3-6 เซนติเมตร
ตำลึง คุณค่าทางโภชนาการของผักริมรั้ว
ข้อมูลจากกองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แสดงคุณค่าทางโภชนาการของใบตำลึงและยอดอ่อนตำลึงปริมาณ 100 กรัม ไว้ดังนี้
พลังงาน 39 กิโลแคลอรี
น้ำ 90.7 กรัม
โปรตีน 3.3 กรัม
ไขมัน 0.4 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 5.5 กรัม
ใยอาหาร 1.0 กรัม
เถ้า 0.1 กรัม
แคลเซียม 126 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส 30 มิลลิกรัม
ธาตุเหล็ก 4.6 มิลลิกรัม
เบต้าแคโรทีน 5190 ไมโครกรัม
วิตามินเอ 865 ไมโครกรัม
ไทอามีน 0.17 มิลลิกรัม
ไรโบฟลาวิน 0.13 มิลลิกรัม
ไนอะซิน 1.2 มิลลิกรัม
วิตามินซี 34 มิลลิกรัม
ตำลึง สรรพคุณผักริมรั้วที่น่าทึ่ง !
1. บำรุงสายตา
แหล่งวิตามินเอที่สำคัญที่เราสามารถหาได้จากอาหารก็ต้องยกให้ตำลึงเป็นแหล่งที่ดีของวิตามินเอเลยล่ะค่ะ และนอกจากวิตามินเอแล้ว เบต้าแคโรทีนในตำลึงยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถเปลี่ยนตัวเองเป็นวิตามินเอได้อีก ดังนั้นตำลึงจึงจัดเป็นอาหารบำรุงสายตาตัวจี๊ดที่หากินได้ง่าย ๆ แถมยังอร่อยด้วย
- 10 วิตามินบำรุงสายตา ตาพร่า ตามัว ดูแลด้วยอาหารใกล้ตัวตามนี้ !
2. เสริมภูมิต้านทาน
จะเห็นได้ว่าตำลึงมีวิตามินเอและเบต้าแคโรทีนซึ่งเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอค่อนข้างสูง ส่วนนี้จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้เราไม่ป่วยไข้ได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะอาการไข้หวัด ซึ่งหากร่างกายขาดวิตามินเอ ก็มีโอกาสจะป่วยไข้ได้ง่ายเลยนะ
3. ตำลึงรักษาเบาหวาน
สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล เผยงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า ตำลึงเป็นผักที่มีสารต้านอนุมูลอิสระอย่างฟลาโวนอยด์ค่อนข้างสูง สามารถช่วยรักษาและป้องกันโรคต่าง ๆ ได้ ทั้งโรคเบาหวาน เนื่องจากมีงานวิจัยที่พบว่าตำลึงช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้ ส่วนในใบตำลึงก็มีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่หลายชนิด จึงช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้นั่นเอง
ทั้งนี้การกินตำลึงเพื่อลดน้ำตาลในเลือด สามารถทำได้โดยใช้เถาแก่ของตำลึงประมาณครึ่งถ้วย นำมาต้มกับน้ำ หรือนำน้ำคั้นจากผลตำลึงดิบ ๆ ดื่มวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น น้ำตำลึงก็จะช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้
4. บำรุงกระดูก
จากการศึกษาของสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า ใบตำลึงมีแคลเซียมสูง และแคลเซียมจากตำลึงยังเป็นแคลเซียมชนิดที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้เทียบเท่ากับแคลเซียมที่อยู่ในนมวัว ดังนั้นผู้ที่มีอาการแพ้นมวัว หรือดื่มนมแล้วท้องเสียก็สามารถหันมารับแคลเซียมจากตำลึงแทนได้เช่นกัน
5. แก้อาการแสบคันจากแมลงสัตว์กัดต่อย
ใบตำลึงมีฤทธิ์เย็น ช่วยดับพิษร้อนจากแมลงสัตว์กัดต่อยได้ในระดับหนึ่ง โดยให้ล้างแผลด้วยน้ำไหลให้สะอาด จากนั้นใช้ใบตำลึงไม่แก่จัดหรืออ่อนจัดจนเกินไป ล้างใบตำลึงให้สะอาด จากนั้นขยี้ใบตำลึงแล้วมาประคบผิวบริเวณที่ถูกแมลงสัตว์กัดต่อยสักพัก อาการแสบคันจะบรรเทาขึ้น แต่หากอาการแสบร้อนยังไม่หาย ให้หมั่นเปลี่ยนใบตำลึงบ่อย ๆ แต่หากอาการแสบร้อนหาย แต่อาการคันไม่หาย แนะนำให้ใช้ยาทาแก้คันแผนปัจจุบันร่วมด้วย
6. ช่วยย่อยอาหาร
ใบตำลึงและเถาตำลึงมีเอนไซม์อะไมเลสอยู่มาก ซึ่งเอนไซม์ตัวนี้มีคุณสมบัติช่วยย่อยอาหารจำพวกแป้งได้ดี ดังนั้นใครมีอาการแน่นท้อง ท้องอืดจากอาหารไม่ย่อย โดยเฉพาะคนที่กินแป้งเข้าไปมาก ๆ ให้ใช้ใบตำลึงประมาณ 1 กำมือ ผสมกับเถาตำลึงเด็ดขนาดเท่านิ้วก้อย 1 กำมือ โขลกรวมกันจนเป็นเนื้อเดียว จากนั้นคั้นเอาแต่น้ำตำลึงมาผสมน้ำอุ่น 1 แก้วกาแฟ กินก่อนอาหารประมาณ 5-10 นาที เพื่อเรียกน้ำย่อย หรือจะใช้ใบตำลึงแก่ลวกพอสุก กินเป็นผักเคียงพร้อมกับอาหารในแต่ละมื้อเลยก็ได้